สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเปิดงานกิจกรรมเดินตามรอยพ่อและมรดกพ่อ
22 กุมภาพันธ์ 2567 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเปิดงานกิจกรรมเดินตามรอยพ่อและมรดกพ่อ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาที่ได้น้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจช่วยเหลือสมาชิก โดยมี นายสันทาน สีสา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายณัฐพล แป้นนอก ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 10,11 และ 12 นายอภิรักษ์ พานนูน สหกรณ์จังหวัดร้อยเอ็ด นางสาวอภิญญา จันทรวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจข้าวของสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมรับเสด็จ ณ สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด บ้านนกเหาะ ตำบลดงครั่งใหญ่ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด
โอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรางวัลแก่สมาชิกสหกรณ์ดีเด่น และผู้ชนะการประกวดค้นหาสุดยอดความหอมข้าว หอมมะลิของจังหวัดร้อยเอ็ด ปีการผลิต 2566/2567 โดยประเภทสหกรณ์ ได้แก่ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด และประเภทกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ และศูนย์ข้าวชุมชน ได้แก่ เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรทำสวนเมืองทอง
จากนั้น ทรงเยี่ยมสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด ปัจจุบันมีสมาชิก 8,910 ครอบครัว 156 กลุ่ม ทั้งหมดประกอบอาชีพทำนาในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยปลูกข้าวหอมมะลิ 158,490 ไร่ ในฤดูกาลผลิตข้าวปี 2566/2567 ได้ผลผลิต 86,518 ตัน สมาชิกได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคืนตามส่วนธุรกิจอย่างเป็นธรรม มีการจัดตั้งเงินทุนสาธารณประโยชน์ช่วยเหลือสังคม เป็นมรดกที่พร้อมส่งต่อให้กับสมาชิกรุ่นต่อไป
สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2520 สมาชิกแรกตั้ง 176 ครอบครัว ในพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย 13 ตำบล 175 หมู่บ้าน โดยในปี พ.ศ. 2525 - 2527 ประสบภาวะขาดทุน มีการพิจารณาแผนฟื้นฟู และได้เข้าร่วม "โครงการเสริมสร้างสหกรณ์การเกษตร" จึงมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยทำแผนฟื้นฟูให้สมาชิกมีอาชีพและมีรายได้ โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานไว้มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน ทำให้สหกรณ์กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันดำเนินงานตามหลักการและอุดมการณ์สหกรณ์ที่ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ มีการกำหนดแนวทางส่งเสริมและพัฒนากิจการสหกรณ์และสมาชิกให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มช่องทางการตลาด เพื่อกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศ มุ่งสร้างเครือข่ายสหกรณ์ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ