ประชุมเพื่อติดตามเร่งรัดคดีการทุจริตในสหกรณ์ ซึ่งค้างอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน
6 กันยายน 2566 นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมเพื่อติดตามเร่งรัดคดีการทุจริตในสหกรณ์ ซึ่งค้างอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน โดยมี นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมเพื่อติดตามเร่งรัดคดีการทุจริตในสหกรณ์ ซึ่งค้างอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน โดยมี นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
สำหรับการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามคดีการทุจริตในสหกรณ์ ซึ่งมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ดำเนินการ รวบรวม ตรวจสอบ และสรุปรายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานดังกล่าว เป็นผู้รายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งจากผลการตรวจสอบพบว่ามีสหกรณ์ที่เกิดปัญหาการทุจริตและมีคดีที่ได้ดำเนินการร้องทุกข์ในชั้นพนักงานสอบสวน จำนวน 69 รายการ มูลค่าความเสียหายแตะหลักสองพันล้านบาท จึงเป็นที่มาของการประสานความร่วมมือระหว่าง “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” และ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
โอกาสนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญในเรื่องปัญหาการทุจริตในสหกรณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสมาชิกสหกรณ์ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย เมื่อเกิดเหตุทุจริตจึงเป็นเหมือนการซ้ำเติมให้สมาชิกได้รับความเดือดร้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยเร่งรัดปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวนและยังไม่มีความคืบหน้า ขอให้เร่งดำเนินการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุทุจริตในลักษณะนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มที่ โดยจะเร่งดำเนินการทุกคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เร่งออกหมายจับนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษยึดทรัพย์ และเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด เบื้องต้นได้ประสานขอข้อมูลกับกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อเป็นองค์ประกอบในการพิจารณารูปคดี คาดว่าภายใน 30 วัน คดีทั้งหมดจะได้รับการสะสาง 90% พร้อมกันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังฝากให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการคิดมาตรการป้องกันปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ เพื่อลดปัญหาการเกิดเหตุทุจริตอีกช่องทางหนึ่งด้วย