อธิบดีฯ ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด จ.ลำปาง
15 มิถุนายน 2566 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพิษณุ คล้ายเจตน์ ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 15 และ 16 นายสุธี ขันทอง สหกรณ์จังหวัดลำปาง และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน ณ สหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพิษณุ คล้ายเจตน์ ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 15 และ 16 นายสุธี ขันทอง สหกรณ์จังหวัดลำปาง และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน ณ สหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง โดยมี นายกิตตินันท์ บุญจู ประธานกรรมการสหกรณ์ นางลักษณาวรรณ มะโนชมภู ผู้จัดการสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินงาน และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้รับฟังบรรยายผลการดำเนินงานการรวบรวมข้าวเปลือก เพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่า การจำหน่ายข้าวสารจากการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิก ซึ่งมีพื้นที่การผลิต 70 ไร่ โดยปีล่าสุดสหกรณ์มีกำไร 3 ล้านบาทเศษ ทั้งนี้ อธิบดีได้ให้กำลังใจและกล่าวชื่นชมว่า สหกรณ์สามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างดี มีการพัฒนาสินค้า ต่อยอดให้เกษตรกรได้มีช่องทางการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น ช่วยยกระดับราคาข้าวให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมโรงสีข้าวของสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด ซึ่งเป็นโรงสีที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐาน GMP, HACCP, มอก., อย. และได้รับรางวัลโรงสีระดับดาวทองจากระทรวงพาณิชย์ มีกำลังการผลิต 24 ตัน/วัน และเยี่ยมชมจุดตรวจข้าว รวมทั้งสถานที่จำหน่ายข้าวสารด้วย
สำหรับข้าวหอมมะลิดำ สายน้ำแร่แจ้ซ้อน เป็นข้าวเจ้าพันธุ์มะลิดำหนองคาย 62 หรือ กข.83 ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 เป็นข้าวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เพาะปลูกในพื้นที่ที่มีแม่น้ำมอญไหลผ่าน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดจากขุนแม่มอญ ไหลผ่านอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีลักษณะเป็นน้ำพุร้อน รวมเป็นสายน้ำแร่แม่น้ำมอญหล่อเลี้ยงต้นข้าวในพื้นที่อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง จึงเกิดเป็นข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน ข้าวอัตลักษณ์ลำปาง ข้าวสายน้ำแร่หนึ่งเดียวในประเทศไทย และจากผลการตรวจวิเคราะห์คุณค่าโภชนาการต่าง ๆ เปรียบเทียบกับข้าวหอมมะลิดำหนองคาย 62 ที่ปลูกในพื้นที่นอกสายน้ำแร่ไหลผ่าน พบว่า ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนมีประมาณสาร วิตามินบี1 แคลเซียม แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี และโพแทสเซียม มีปริมาณสูงกว่าข้าวพันธุ์เดียวกันที่ปลูกบริเวณนอกสายน้ำแร่ โดยเฉพาะสารแอนโทไซยานิน ที่มีปริมาณสูงมากกว่า 5.77 เท่า ใช้วิธีการปลูกแบบดั้งเดิม จึงหอมนุ่ม อร่อย เป็นข้าวอินทรีย์ 100% และได้ผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงสีของสหกรณ์การเกษตรห้างฉัตร จำกัด ซึ่งมีนวัตกรรมการแปรรูปข้าวด้วยเทคโนโลยีกำจัดแมลงและไข่แมลงด้วยเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ UTD RF Technology ซึ่งทั้งกระบวนการผลิตและการแปรรูปสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ผลิตข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน โดยขายข้าวเปลือกให้กับสหกรณ์ได้ตันละ 20,000 บาท สูงกว่าข้าวอินทรีย์ทั่วไปถึงร้อยละ 25 หลังจากแปรรูปสหกรณ์สามารถจำหน่ายข้าวสารสายน้ำแร่ได้ในราคา 120 บาท/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าข้าวในกลุ่มเดียวกัน 1 เท่าตัว ภายใต้สโลแกน “ข้าวไทย ไร้มอด ปลอดสารเคมี ด้วยเทคโนโลยี UTD RF” ปัจจุบันกำลังผลักดันให้ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อนเป็นสินค้า GI ของจังหวัดลำปางด้วย