ต้อนรับคณะศึกษาดูงานสหกรณ์จาก สปป.ลาว
วันที่ 7 มิถุนายน 2566 นางสาวกรนภา ชัยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ พร้อมด้วย นางสาวเจษฎาภรณ์ สถาปัตยานนท์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิเทศสัมพันธ์ นางสาวอุบลวรรณ พัฒนลาภ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ นางทิพวรรณ เลิศหิรัณย์ รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการเงินสหกรณ์ และคณะผู้แทนฝั่งไทย ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นำโดย นายรูซี ยอหล่อ เนียลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมกสิกรรมและสหกรณ์ สปป.ลาว นายทองลอม พรมมะวงศ์ รองคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว มิสเตอร์ โฮลเกอร์ เกรจส์ หัวหน้าโครงการเยาวชน DGRV พร้อมด้วยคณะคณาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ในโอกาสขอเข้าเยี่ยมคารวะผู้บริหารกรม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศึกษาดูงานด้านการสหกรณ์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ณ ห้องประชุมกองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร
โอกาสนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ กล่าวว่าทางกรมส่งเสริมสหกรณ์มีความยินดีที่จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่และความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมสหกรณ์ในประเทศไทย พร้อมทั้งแนะนำเรื่องการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการสหกรณ์ การพัฒนาการบริหารจัดการสหกรณ์ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจของสหกรณ์ ซึ่งทางคณะศึกษาดูงานจะได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 1 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรม 1 ใน 20 แห่งของกรมที่ใช้ในการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรสหกรณ์และกลุ่มเกษตร นอกจากนี้ เนื่องจากวันที่ 7 มิถุนายน เป็น “วันสหกรณ์นักเรียน” ทางคณะศึกษาดูงานจะได้เห็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสหกรณ์ให้แก่นักเรียนภายใต้ชื่อ “กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน” ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นผู้ริเริ่ม โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และมีทักษะในการทำงานร่วมกัน รวมถึงการร่วมกันแก้ไขปัญหาตามแนวคิดและวิธีการของสหกรณ์ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชาวบ้านในชุมชนอีกด้วย พร้อมกันนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิฯ ได้กล่าวอวยพรขอให้การเข้าศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ ได้ประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน ช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาสหกรณ์ในอนาคตต่อไป