อธิบดีฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด อุบลราชธานี
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นางอัญชลี ศรีหามาตย์ สหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด โดยมี นายมาลัย พวงเพชร ประธานกรรมการ นายไพวัลย์ คำหาญ ผู้จัดการสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินการ และสมาชิกสหกรณ์ ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี
โอกาสนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของสหกรณ์ คณะกรรมการมีความเข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหา และฟื้นการดำเนินงานของสหกรณ์ให้ดีขึ้น พร้อมให้คำแนะนำ แนวทางในการดำเนินงานของสหกรณ์ รวมทั้งการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งกรมฯ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 อยากเน้นย้ำให้สหกรณ์เมื่อสนับสนุนเงินกู้ให้กับสมาชิกไปแล้ว ขอให้ติดตามการใช้เงินกู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน พร้อมส่งเสริมให้สมาชิกประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และการส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ถือว่าเป็นอาชีพที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้สมาชิกเฉลี่ย 10,000 บาท/ไร่ และยังใช้เศษวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวข้าวโพดใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย รวมทั้งขอให้สหกรณ์นำสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการแล้วประสบผลสำเร็จใช้เป็นต้นแบบขยายผลสู่สมาชิกรายอื่นต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ทางกรมฯ มีเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส. ซึ่งเป็นเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้สหกรณ์นำไปให้สมาชิกกู้นำไปใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นต่อไป
จากนั้น อธิบดีฯ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของ นายมาลัย พวงเพชร ประธานกรรมการสหกรณ์ฯ ณ บ้านเลขที่ 100 หมู่ 3 ตำบลนาเยีย อำเภอนาเยีย ซึ่งนายมาลัย ใช้แปลงเกษตรของตนเองเป็นต้นแบบให้สมาชิกเข้ามาเรียนรู้ โดยเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์ ของสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโค-กระบือ โครงการสร้างระบบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และเงินกู้ระยะสั้น ระยะปานกลาง รวม 680,000 บาท ทำกิจกรรมการเกษตรบนพื้นที่ 39 ไร่ เลี้ยงวัว 6 ตัว ทำนา 39 ไร่ และเลี้ยงกบ มีรายได้จากการทำการเกษตร ซื้อ - ขายวัว ที่ตลาดนัด โค กระบือ ในพื้นที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ขายข้าวนาปี ขายกบ และแปรรูปกบ จำหน่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ Facebook, Line รวมรายได้ประมาณ 234,000 บาท/ปี
นอกจากนี้ อธิบดีฯ และคณะ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของ นายไสว ห่องคำ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด ณ บ้านเลขที่ 26 หมู่ 4 ตำบลนาเยีย อำเภอนาเยีย ซึ่งสมาชิกได้เข้าร่วมโครงการสร้างระบบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโค-กระบือ โดยมีพื้นที่ปลูกข้าว 16 ไร่ หลังจากฤดูทำนา สมาชิกแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 6 ไร่ ขายผลผลิตได้เงินมากกว่า 70,000 บาท ในส่วนการเลี้ยงวัวปัจจุบันมีวัว 16 ตัว สมาชิกจะรับซื้อวัว และนำไปจำหน่ายต่อประมาณ 20 ตัว/เดือน นอกจากนี้ สมาชิกยังปลูกหญ้าสด และอัดฟางก้อนไว้เป็นอาหารของวัวเพื่อลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วย
จากการกู้เงินกับสหกรณ์ฯ ทำให้สมาชิกมีเงินทุนในการประกอบอาชีพที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมทางการเกษตร มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากสามารถทำกิจกรรมทางการเกษตรได้อย่างต่อเนื่องและมีรายได้ตลอดทั้งปี สามารถส่งชำระหนี้ได้ตามกำหนด รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้แก่สมาชิกสหกรณ์รายอื่นที่สนใจในการทำการเกษตรในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันด้วย
สหกรณ์การเกษตรนาเยีย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2536 ปัจจุบันมีสมาชิก 1,522 ราย มีทุนดำเนินงานกว่า 127 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจหลัก 4 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ เพื่อการประกอบอาชีพ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจแปรรูปผลผลิตการเกษตรและผลิตสินค้า และธุรกิจการรวบรวมผลผลิต ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสหกรณ์ฯ ร่วมกับ บริษัท ซีพีเอฟ จำกัด (มหาชน) ในการรวบรวมข้าวโพด สรุปผลการรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างวันที่ 15 มี.ค. - 29 เม.ย. 2566 รวม 4,261.458 ตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 38.267 ล้านบาท
นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้ดำเนินโครงการสร้างระบบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 60 ราย สนับสนุนเงินกู้ระยะปานกลาง รายละ 50,000 บาท ส่งชำระ ภาย 5 ปี ปีละ 10,000 บาท และโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยง โค - กระบือ จำนวน 38 ราย วงเงินรวม 3,800,000 บาท ให้กู้รายละ 100,000 บาท ส่งชำระ 5 ปี ปีแรก ชำระเฉพาะดอกเบี้ย ปีที่ 2 - 5 ชำระเงินต้น ปีละ 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จากการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของสหกรณ์ ส่งผลให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ สามารถส่งชำระหนี้ได้มากถึง 99.67% สมาชิกสามารถทำการเกษตร ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และมีรายได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี