ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษกิจ ในประเด็น นโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ ปี 2565
3 พฤศจิกายน 2564 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษกิจ ในประเด็น “นโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ ปี 2565” ณ ห้องประชุมชั้น 6 กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและหนังสือพิมพ์ฐานเศรษกิจ ในประเด็น “นโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ ปี 2565” ณ ห้องประชุมชั้น 6 กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะนำไปเผยแพร่ลงในสื่อหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ ในการนี้ ท่านอธิบดีฯได้เปิดเผยถึงภาพรวมของสหกรณ์ในประเทศไทย แบ่งเป็น 7 ประเภท ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน และสหกรณ์ออมทรัพย์ รวม 7,840 แห่งทั่วประเทศ สมาชิกรวม 11.44 ล้านคน แบ่งเป็น สหกรณ์ในภาคการเกษตร จำนวน 4,307 แห่ง สมาชิก 6.3 ล้านคน สหกรณ์นอกภาคการเกษตร จำนวน 3,533 แห่ง สมาชิก 5.037 ล้านคน มีปริมาณธุรกิจในระบบสหกรณ์มากกว่า 2.29 ล้านล้านบาท และมีกลุ่มเกษตรกรที่อยู่ในการกำกับดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกจำนวน 4,503 แห่ง สมาชิก 4.2 แสนคน มีปริมาณธุรกิจกว่า 7,024 ล้านบาท
ในปี 2564 กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งขับเคลื่อน ผลักดัน ส่งเสริม สร้างความรู้แก่สหกรณ์อย่างรอบด้าน ทั้งการผลิต การบริหารจัดการ การบริหารธุรกิจ การตลาด การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการยกระดับการดำเนินงานของสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง เป็นองค์กรที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิก เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ และช่วยเหลือบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก ซึ่งปริมาณธุรกิจในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 59,863.51 ล้านบาท คิดเป็น 2.67 % และในปี 2565 ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของธุรกิจสหกรณ์ในภาพรวมไม่น้อยกว่า 3 % และมีการดำเนินโครงการที่สำคัญเพื่อพัฒนาธุรกิจและการดำเนินงานของสหกรณ์ อาทิ โครงการซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ โครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตร โครงการส่งเสริมการปลูกพืชผักปลอดภัยและการทำเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่โดยระบบสหกรณ์ และโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน ซึ่งเป็นสหกรณ์ที่อยู่นอกภาคการเกษตร ได้เน้นให้มีการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารเงินของสมาชิก ที่นำเงินมาฝากและถือหุ้นไว้กับสหกรณ์ จึงต้องระวังเรื่องความเสี่ยงในการนำเงินไปลงทุนและการปล่อยเงินกู้ เพื่อไม่ให้เกิดหนี้เสียในสหกรณ์มากจนเกินไป แต่ในปัจจุบันถือว่าหนี้เสียในสหกรณ์ยังอยู่ในระดับที่ไม่มากนักและสามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ ในปี 2565 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ตั้งเป้าหมายการขยายตัวของธุรกิจสหกรณ์ในภาพรวมไม่น้อยกว่า 3 % ซึ่งทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการจัดทำและขับเคลื่อนโครงการร่วมกับสหกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายด้านการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์เป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสหกรณ์ระดับอำเภอที่มีคุณภาพ มีความแข็งแกร่ง มีความพร้อมในการดูแลสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งการจัดตั้งสหกรณ์ใหม่ สหกรณ์จะต้องมีความพร้อม ทั้งสถานที่ และบุคลากร มีคณะกรรมการที่มีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาให้มีความเติบโตและเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น และสามารถดูแลกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ส่งเสริมจะต้องจัดสรรให้เต็มศักยภาพและจะต้องเกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก รวมทั้งการแก้ไขปัญหาทุจริต การป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริตในสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมสหกรณ์จัดทำและขับเคลื่อนโครงการร่วมกับสหกรณ์ให้เกิดผลสำเร็จ เน้นการส่งเสริมสหกรณ์ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีความแตกต่างกัน วางแผนรูปแบบการทำงานให้เหมาะสม จัดทีมงานลงพื้นที่ไปทำงานส่งเสริมสหกรณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งส่งผลให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป