นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ร่วมทำข่าวการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกรและชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในโครงการจัดพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์หุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายสมศักดิ์ กรีธาธร ผู้ตรวจราชการกรม เขต 2,3,4 นางสาวอัญชนา แก้วชื่น ผู้อำนวยการศูนย์สาธิตโครงการหุบกะพง เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี และนางสำเนา เกาะเกตุ ประธานสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด ร่วมให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เยี่ยมชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านการพัฒนาดิน ระบบชลประทาน การทำฝนหลวง การส่งเสริมด้านการเกษตรและงานด้านสหกรณ์ ซึ่งจัดแสดงอยู่ภายในอาคารคุ้มเกล้า จากนั้น ได้ชมแปลงสาธิตการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง และโรงเรือนปลูกเมล่อน ซึ่งเป็นจุดถ่ายทอดความรู้ด้านการทำเกษตรสมัยใหม่ให้กับชาวบ้านหุบกะพง และเยี่ยมชมอาคารจัดแสดงภาพถ่ายที่เก็บรวบรวมภาพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ปี 2505 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาช่วยเหลือกลุ่มชาวสวนผักชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ให้มีที่ดินทำกิน โดยมีพระราชดำริให้จัดหาที่ดินในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และเลือกที่ดินบริเวณหุบกะพง ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่จัดทำโครงการฯ เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ มาจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเข้าทำประโยชน์เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม และรวมกลุ่มกันในรูปของสหกรณ์
จากนั้น ได้เดินทางไปชมบริเวณโดยรอบอ่างเก็บน้ำในพื้นที่หุบกะพง และเยี่ยมชมการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาส่งเสริมให้ชาวบ้านใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ โดยได้เยี่ยมชมแปลงปลูกพืชผักสวนครัวและผลไม้ภายในบ้านของนางอารีย์ เปรมสุข สมาชิกสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จำกัด ที่ทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชผักบริโภคในครอบครัวและส่งขายให้พ่อค้าตลาดในพื้นที่ใกล้เคียง
ต่อมา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์และคณะสื่อมวลชน ได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ป่านศรนารายณ์ ซึ่งชาวบ้านได้นำเส้นใยป่านมาถักทอจักสานเป็นกระเป๋า หมวก รองเท้า เข็มขัดและของใช้ในครัวเรือน และเยี่ยมชมการปลูกผักสลัดวิถีอินทรีย์ ของนายสนั่นศักดิ์ บุญพิทักษ์ ซึ่งยึดอาชีพปลูกผักกรีนโอ๊คเรดโอ๊คและผักคอส ใช้เวลาปลูกประมาณ 35 วัน จึงตัดแล้วส่งขายห้าง ราคากิโลกรัมละ 80 บาท เป็นอาชีพที่สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว จากนั้นได้เดินทางไปยังฟาร์มเลี้ยงโคขุนของนายบุญรวม บุญแต่ง ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงโคขุนมาตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันมีโคขุนที่เลี้ยงไว้กว่า 100 ตัว และมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์เอง นำกากปาล์ม กากถั่วเหลืองมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์ จำหน่ายให้เกษตรกรที่เลี้ยงโคขุนทั่วไปด้วย
โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพงดำเนินงานมาเป็นระยะเวลากว่า 57 ปี และตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (เปลี่ยนพระนามโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561) สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระเมตตาส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรที่อยู่อาศัยในโครงการฯ ท้ังปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยการผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราษฏรในโครงการฯ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ตามที่มีพระราชปณิธาน จะสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ให้เป็น “หมู่บ้านตัวอย่าง” เป็นต้นแบบแก่พื้นที่อื่น ๆ พร่อมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษา เกษตรกรและประชาชนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาแนวทางในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรอย่างครบวงจรต่อไป