ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแม่น้ำโขง

9 ตุลาคม 2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแม่น้ำโขง และพบปะพี่น้องประชาชนในตำบลโคกสาร โดยมี นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายพิษณุ คล้ายเจตน์ดี ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 8,9,13 และคณะผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ บ้านโคกสารท่า หมู่ที่ 5 ตำบลโคกสาร อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศแม่น้ำโขง และพบปะพี่น้องประชาชนในตำบลโคกสาร โดยมี นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายพิษณุ คล้ายเจตน์ดี ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 8,9,13 และคณะผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ บ้านโคกสารท่า หมู่ที่ 5 ตำบลโคกสาร อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งระบบนิเวศในแม่น้ำโขง ได้รับผลกระทบในหลายด้าน ทั้งแม่น้ำโขงแห้งขอดจนเห็นเนินทราย น้ำโขงเปลี่ยนสี และน้ำขึ้น-ลง ผิดธรรมชาติ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มียุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals, SDGs) รวมทั้งการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรการเกษตรให้มีความสมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายใน ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาด้านการประมงพื้นที่แม่น้ำโขงจังหวัดอำนาจเจริญ มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิต มูลค่า และความหลากหลายของสัตว์น้ำในแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำชุมชน อาทิ การเพาะพันธุ์และการปล่อยปลาประจำถิ่น และสัตว์น้ำมูลค่าสูงในแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำชุมชน การสร้างทางเลือกอาชีพด้านการประมง เพิ่มขีดความสามารถด้านการเพาะเลี้ยง แปรรูป และมาตรฐานฟาร์ม GAP อาทิ การเลี้ยงสัตว์น้ำในระบบสมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (กุ้งก้ามกราม กุ้งฝอย หอยขม ปลากินพืช พืชน้ำ) และการแปรรูปสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรประมงด้วย

{gallery}09oct2564_8{/gallery}