7 กุมภาพันธ์ 2563 นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอัชฌา สุวรรณิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของบุตร-หลานสมาชิกสหกรณ์โคนม ระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอัชฌา สุวรรณิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของบุตร-หลานสมาชิกสหกรณ์โคนม ระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมในการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ณ ห้องประชุม 226 กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการร่วมมือทางการศึกษาเพื่อสานต่ออาชีพพระราชทาน เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ทรงมีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยกรมฯจะสนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาให้กับบุตร – หลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ได้เข้าเรียนในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเลี้ยงโคนมตลอดหลักสูตร เพื่อจะได้นำความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมมาพัฒนาฟาร์มและการบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์โคนม กลับมาประกอบอาชีพต่อในฟาร์มโคนมของครอบครัว หรือกลับไปทำงานให้กับสหกรณ์โคนมที่ให้ทุนการศึกษา เพื่อจะได้ช่วยพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคนมและธุรกิจของสหกรณ์โคนมให้มีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับบุตร – หลานของสมาชิกสหกรณ์โคนมที่มีความประสงค์ขอเข้ารับทุนการศึกษาต่อในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการเลี้ยงโคนม กรมฯ และสหกรณ์โคนมต้นสังกัดที่สมาชิกนั้นสังกัดอยู่ จะมอบทุนการศึกษาให้ตลอดหลักสูตร โดยกำหนดไว้ 3 ปี คือปีการศึกษา 2563 – 2565 สำหรับคุณสมบัติของผู้ขอรับทุนจะต้องเป็นบุตร-หลานของสมาชิกสหกรณ์โคนมหรือบุตร-หลานสมาชิกสหกรณ์การเกษตรที่สมาชิกมีอาชีพเลี้ยงโคนม ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายสามัญ มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียน ไม่ต่ำกว่า 3.00 มีความประพฤติดี มีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มพัฒนาบุคลากรสหกรณ์ สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ โทรศัพท์ 0 2669 4577 หรือศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 1-20 และสำนักงานสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ เมื่อผู้รับทุนจบการศึกษาแล้ว จะต้องกลับไปทำงานในสหกรณ์โคนมที่ให้ทุนดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อจะได้นำความรู้และเทคโนโลยีกลับไปพัฒนาฟาร์มและสหกรณ์โคนมให้มีมาตรฐาน สามารถผลิตน้ำนมให้มีคุณภาพ ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค รวมถึงมีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจสหกรณ์โคนมและสร้างความมั่นคงในอาชีพการเลี้ยงโคนมให้อยู่คู่กับคนไทยต่อไป
{gallery}06feb2563_4{/gallery}