19 ธันวาคม 2562 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายสมศักดิ์ แสนศิริ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังนาผ่านระบบสหกรณ์ ปีการผลิต 2562/63
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายสมศักดิ์ แสนศิริ สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังนาผ่านระบบสหกรณ์ ปีการผลิต 2562/63 และการส่งเสริมการปลูกข้าวเพื่อสุขภาพ พันธุ์ กข43 ของสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด ตำบลคุยม่วง อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนางกฤษณา ธรรมชีวัน ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด กล่าวรายงานความเป็นมาและผลการดำเนินงานของสหกรณ์
สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2520 สมาชิกแรกตั้ง จำนวน 195 คน สหกรณ์มี 2 สาขา คือ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ ตำบลหนองกุลา และสาขาคุยม่วง ตำบลคุยม่วง ธุรกิจหลักของสหกรณ์ ได้แก่ ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย สมาชิกประกอบอาชีพส่วนใหญ่ทำนา ปลูกข้าวโพด และไร่อ้อย ปัจจุบันมีสมาชิก 2,439 คน ทุนเรือนหุ้น 62,226,980 บาท และยังเป็นสหกรณ์หลักระดับอำเภอ 1 ใน 9 สหกรณ์ของจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้รับการประเมินว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีและมีความเข้มแข็ง มีความพร้อมในการให้บริการสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล สหกรณ์มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้ดำเนินโครงการสำคัญ ดังนี้
1. โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวโพดหลังฤดูทำนา ประจำปี 2562/2563 ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 141 ราย เนื้อที่ 2,555 ไร่
2. โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวเพื่อสุขภาพ พันธุ์ กข. 43 ปีการผลิต 2561/2562 โดยมีการร่วมมือกับภาคเอกชน ที่รับซื้อในราคาประกัน ตันละ 12,500 บาท ความชื้น 15 % มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 202 ราย เนื้อที่ 3,802 ไร่ ผลผลิตจำนวน 2,286 ตัน เป็นเงิน 22,425,108 บาท ซึ่งสมาชิกขายได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด 2,500 - 3,000 บาท/ตัน และปัจจุบันสหกรณ์ฯ ได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องในปีการผลิต 2562/63 มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 368 ราย เนื้อที่ 6,720 ไร่
สหกรณ์ได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อก่อสร้างฉาง ขนาด 10,000 ตัน และก่อสร้างลานตาก ขนาด 3,200 ตารางเมตร รวมงบประมาณทั้งสิ้น 13,423,600 บาท (สหกรณ์สมทบ 1,726,400 บาท) ซึ่งดำเนินการก่อสร้างแล้วและได้ใช้ประโยชน์ในการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือก ข้าวโพดจากเกษตรกรสมาชิกแล้ว ปริมาณการรวบรวม 42,124 ตัน คิดเป็นมูลค่า 294,225,000 บาท
ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายโดยเน้นให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถขายผลผลิตได้ และมีตลาดที่แน่นอน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยและผักปลอดสารพิษ นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนโรงอบแบบครบวงจรเพื่อให้สหกรณ์ได้ใช้ประโยชน์ในการอบแห้งข้าวโพดและพืชชนิดอื่น ๆ ก่อนส่งจำหน่ายให้กับคู่ค้า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ มุ่งหวังให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหกรณ์จะช่วยให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างอำนาจในการต่อรองราคาผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังทำให้สมาชิกมีแหล่งรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
{gallery}19dec2562_3{/gallery}