31 กรกฎาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจราชการและติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อ่างเก็บน้ำลำพอก อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพีรพนธ์ กิจโกศล ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 13,14 นางสุวรรณี ศรีสุวรรณ์ สหกรณ์จังหวัดสุรินทร์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจราชการและติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ อ่างเก็บน้ำลำพอก อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพีรพนธ์ กิจโกศล ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 13,14 นางสุวรรณี ศรีสุวรรณ์ สหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ และคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย โดยนายเฉลิมชัย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาภัยแล้ง ได้แก่ กรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมปศุสัตว์ และ สปก. บูรณาการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน โดยเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือ การจัดหาแหล่งน้ำเสริมให้แก่อ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีน้ำไหลลงอ่างฯ ปริมาณน้อย เนื่องจากฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 29% นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย ยังได้ชี้แนะเรื่องการเพิ่มสันฝายในอ่างเก็บน้ำลำพอกตามที่ประชาชนในพื้นที่เรียกร้องให้ดำเนินการ ได้ชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ว่าต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเนื่องจากต้องระมัดระวังในเรื่องประชาชนที่อยู่เหนือสันฝายจะได้รับผลกระทบ และให้ทางพื้นที่เตรียมความพร้อมในเรื่องสถานที่เพื่อทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้พิจารณาในเรื่องงบประมาณในการเร่งแก้ไขปัญหาที่เกษตรกรได้รับผลกระทบดังกล่าว และกรณีเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยมีการชดเชย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งดำเนินการให้เร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างทันท่วงที
จากนั้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน พร้อมคณะ ลงพื้นที่บริเวณโครงการชลประทานสุรินทร์ (ห้วยเสนง) อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ รับฟังการรายงานการปฏิบัติการฝนหลวงจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยสถานการณ์การทำฝนหลวงในภาคอีสานที่ผ่านมา ได้ขึ้นปฏิบัติการแล้วทั้งหมด 17 จังหวัด มีฝนตกในพื้นที่ลุ่มน้ำรับเขื่อน และอ่างเก็บน้ำรวม 19 แห่ง จากจำนวนอ่างทั้งขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่มีน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุเก็บกัก 100 กว่าแห่ง รวมทั้งได้ปล่อยขบวนคาราวานรถบรรทุก พร้อมรถขุด และเครื่องสูบน้ำ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนน้ำ ปล่อยรถเรื่องจักรทำการเกษตร และปล่อยรถขบวนเสบียงหญ้าอาหารสัตว์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย รวมทั้งขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำการเพาะปลูกต่อเนื่อง หรือทำการเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร สำหรับพื้นที่ที่เพาะปลูกแล้ว ขอให้เกษตรในพื้นที่ใช้น้ำตามรอบเวรตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ใช้น้ำร่วมกันได้มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง
{gallery}31july2562_4{/galley}