20 มิถุนายน 2562 นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขับเคลื่อนแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ให้เป็นองค์หลักระดับอำเภอ” รุ่นที่ 2 พร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ และผู้เชี่ยวชาญ ณ โรงแรมลำปางเวียงทอง จังหวัดลำปาง
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ “การขับเคลื่อนแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ให้เป็นองค์หลักระดับอำเภอ” รุ่นที่ 2 พร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ และผู้เชี่ยวชาญ ณ โรงแรมลำปางเวียงทอง จังหวัดลำปาง ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ประธานกรรมการและผู้จัดการสหกรณ์ สหกรณ์จังหวัด เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดผู้รับผิดชอบโครงการ 1 สหกรณ์ 1 อำเภอ ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 16 จังหวัด 186 สหกรณ์ ซึ่งมีจำนวนสมาชิกรวม 560,000 ราย ซึ่งทั้ง 186 สหกรณ์เป็นสหกรณ์เป้าหมายที่กรมฯ จะพัฒนาให้เป็นองค์กรหลักระดับอำเภอ ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 - 21 มิถุนายน 2562 ทั้งนี้เป็นการชี้แจงแนวทางในการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการในการพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ให้เป็นองค์หลักระดับอำเภอ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ธุรกิจของสหกรณ์ โดยให้สหกรณ์เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรจากสมาชิกและเกษตรกรในชุมชน รวมทั้งทำหน้าที่ในการส่งผ่านความช่วยเหลือ และการสนับสนุนจากรัฐบาลไปสู่ประชาชน โดยภาครัฐใช้กลไกสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และส่งเสริมรายได้ให้กับชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ให้มีความมั่นคง มีรายได้เพียงพอ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยโครงการดังกล่าวมุ่งส่งเสริมสหกรณ์ทำหน้าที่วางแผนการผลิต วางแผนธุรกิจให้กับสมาชิก และเชื่อมโยงกับภาคเอกชน เพื่อหาตลาดเข้ามารองรับ
ทั้งนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เน้นให้สหกรณ์หันมาดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิกและแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์ โดยส่งเสริมให้มีการสร้างรายได้ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์พร้อมสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ให้สหกรณ์กู้ยืมไปปล่อยกู้แก่สมาชิกเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ตลอดทั้งปี เช่น การปลูกพืชอายุสั้น ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เข้าสู่ครัวเรือน ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน แทนการรอรายได้เพียงปีละ 1 ครั้งจากการปลูกพืชหลักเพียงทางเดียว ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายและทำให้มีปัญหาเรื่องการชำระหนี้และไม่มีเงินออมในครัวเรือน
{gallery}20june2562_5{/gallery}