วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 33 จังหวัด เข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา โดยมีนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ พร้อมมอบนโยบาย ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ 33 จังหวัด เข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา โดยมีนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาฯ พร้อมมอบนโยบาย ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
ในการนี้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นโมเดลสำคัญในการปฏิรูปภาคการเกษตร ด้วยการวางแผนการผลิตสินค้าทางการเกษตร ให้สอดคล้องกับนโยบายตลาดนำการผลิตของรัฐบาล มีการทำงานแบบประชารัฐ บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ และเป็นอีกทางเลือกที่ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการปลูกพืชหลังฤดูทำนา มาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยและเป็นพืชที่ตลาดต้องการ โดยรัฐบาลได้วางมาตรการเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกรเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เช่น การหาตลาดเกษตรล่วงหน้า การทำประกันภัยพืชผล รวมทั้งการสนับสนุนความรู้ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังจัดหาเงินทุนในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้เกษตรกรนำไปลงทุนปลูกข้าวโพด เพื่อเป็นมาตรการจูงใจสำหรับเกษตรกรอีกด้วย
สำหรับการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกของการรวมทีม 5 เสือ ทั้งเกษตรจังหวัด สหกรณ์จังหวัด เจ้าหน้าที่จากกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จากในพื้นที่ 33 จังหวัด เพื่อให้ทุกฝ่าย ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย และขณะนี้เกษตรกรบางส่วนได้เริ่มฤดูกาลปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานในการเข้าไปดูแล ให้คำแนะนำและติดตามช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด รวมทั้งสั่งการให้กรมชลประทาน วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำระหว่างเพาะปลูก และสนับสนุนการจัดการน้ำในพื้นที่ปลูกข้าวโพดอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ กำชับให้เจ้าหน้าที่ช่วยกำกับการทำสัญญารับซื้อผลผลิตระหว่างเกษตรกรกับบริษัทเอกชน ให้ได้รับความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ตามหลักกฎหมายส่งเสริมเกษตรพันธสัญญาที่เป็นธรรม และขอให้เกษตรกรดำเนินการผ่านกลุ่มเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรที่จัดตั้งไว้ เช่น เกษตรแปลงใหญ่ สหกรณ์การเกษตร กลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพ มีอำนาจต่อรองในการขายผลผลิต ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีผู้แทนจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ด้วย
{gallery}27nov2561_1{/gallery}