นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ตุลาคมถึงธันวาคม 2566 โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งภาคเอกชนประกอบไปด้วย สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย เกิดจากการร่วมกันผนึกกำลังเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร คือลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในราคที่ถูกลง และยังช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขนส่งที่ง่ายขึ้น เพื่อทำให้สถาบันเกษตรกรในโครงการได้รับความสะดวกสบายในการส่งขนจากหน้าโรงงาน โดยระยะโครงการที่มีขึ้นตั้งแต่ 2 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2566 สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสามารถเลือกซื้อปุ๋ยได้ตามรายการปุ๋ยสินค้าที่ประชาสัมพันธ์ไปนั้น และส่งใบรายการสั่งซื้อให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อแจ้งแก่หน่วยงานต่างๆ ถือว่ามีความสำเร็จเป็นอย่างมาก
“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับพี่น้องสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จึงได้ร่วมกับทางกรมการค้าภายในได้ดำเนินการเชื่อมโยงโครงการปุ๋ยเคมีราคาถูก ซึ่งในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ใช้เครือข่ายของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งประเทศ ในการจำหน่ายปุ๋ยราคาถูก ผลการดำเนินงานได้รับเสียงตอบรับของพี่น้องสมาชิกเป็นอย่างดี เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับสมาชิก พร้อมทั้งได้รับความสะดวกในการขนส่งปุ๋ยจากโรงงานถึงสหกรณ์ เพราะทางสหกรณ์จะนำปุ๋ยไปถึงมือเกษตรกรโดยตรง” นายวิศิษฐ์ กล่าว
นายวิศิษฐ์ กล่าวต่อเสริมอีกด้วยว่า โครงการแรกที่จบไป เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้ความสนใจรวม 97 แห่ง ปริมาณการซื้อปุ๋ยเคมีอยู่ที่ 42,105 ตัน ในสูตรปุ๋ยเคมีที่เกษตรกรมีความต้องการและทางบริษัทปุ๋ยสามารถทำการจัดสรรให้ได้มากที่สุด ประกอบไปด้วย สูตร 46-0-0, 16-20-0, 15-15-15 และ 16-8-8 ซึ่งปุ๋ยทั้ง 4 สูตร สามารถใช้ได้ทั้งพืชไร่และนา จากความร่วมมือของกรมส่งเสริมสหกรณ์และในหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปุ๋ยเคมีที่จัดสรรในส่วนนี้ช่วยลดต้นทุนในเรื่องของราคาจำหน่ายลดลง ข้อมูลล่าสุดที่ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รวบรวม ทำให้ทราบว่าราคาต่อกระสอบลดลงถึง 24.05 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าในภาพรวม จากที่จำหน่ายมาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2566 ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อปุ๋ยได้ถึง 3.75 ล้านบาท
จากความสำเร็จของการดำเนินโครงการที่ผ่านมา ทำให้สถาบันเกษตรกรและเกษตรกรอื่น ๆ มีความสนใจต้องการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างต่อเนื่อง กรมการค้าภายในจึงได้ดำเนินการขอความร่วมมือกับภาคเอกชน ขยายระยะเวลาโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย ลดราคาปุ๋ย” โดยขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ประชาสัมพันธ์โครงการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 ขณะนี้มีบริษัทเข้าร่วมโครงการแล้ว รวม 27 แห่ง มีปริมาณปุ๋ยอยู่ที่จำนวน 143,922 ตัน (2,878,450 กระสอบ) สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ใดมีความสนใจต้องการสั่งซื้อปุ๋ยตามโครงการ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัด
“ปุ๋ยที่นำมาจำหน่ายมีการตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ยจากกรมวิชาการเกษตรอยู่เสมอ ฉะนั้นสหกรณ์ที่นำปุ๋ยไปจำหน่าย เป็นสถานที่จำหน่ายปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมวิชาการเกษตร และมีใบอนุญาตในการจำหน่ายปุ๋ยเป็นไปตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พี่น้องสมาชิกและเกษตรกรที่จะสั่งซื้อปุ๋ยในช่องทางนี้ ท่านจะได้รับปุ๋ยที่มีมาตรฐานและเป็นสูตรที่ถูกต้องตามที่ราชการกำหนด ขอให้พี่น้องเกษตรกรมีความเชื่อมั่นว่าปุ๋ยโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย ลดราคาปุ๋ย” ในครั้งนี้ที่จัดขึ้นในเฟส 2 ยังคงได้รับปุ๋ยที่มีคุณภาพดี สามารถนำไปเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งลดต้นทุนการผลิตได้อย่างแน่นอน” นายวิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย