เรื่อง สั่ง ผอ.นิคมสหกรณ์คลองท่อมสุ่มตัวอย่างคัดแยกกลุ่มเอกสารสิทธิ์มิชอบ DSI ยันเร่งสืบสวนรักษาสิทธิ์ประชาชน
ตามที่มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอข่าวว่าพบการทุจริตออกเอกสารสิทธิ์มิชอบในพื้นที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยมีผู้เตรียมร้องทุกข์ดีเอสไอเพื่อสะสางขบวนการเซ็นรับรองหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) นั้น
กรณีประเด็นปัญหาดังกล่าว อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สั่งการให้ตรวจสอบเชิงลึกมาโดยตลอด โดยดำเนินการตรวจสอบกระบวนการ ขั้นตอน และเอกสารประกอบต่าง ๆ ในการดำเนินการขอออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินของนิคมสหกรณ์คลองท่อม พร้อมทั้งตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งกรมฯ ได้ติดต่อประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาอย่างต่อเนื่อง โดยผลจากการตรวจสอบของกรมฯ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ด้วยวิธีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นทั้งฉบับ และมีการแก้ไขหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) ฉบับจริง เพื่อนำไปขอออกโฉนดที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ โดยผู้ได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน. 5) ปลอมแล้วนำไปออกโฉนดที่ดินนั้น พบว่ามีทั้งที่เป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์และไม่ได้เป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์ รวมถึงบุคคลภายนอกซึ่งได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินมาโดยการซื้อ - ขาย โฉนดที่ดินดังกล่าวจากสมาชิกนิคมสหกรณ์ หรือซื้อมาจากบุคคลภายนอกอีกทอดหนึ่ง
จากกรณีดังกล่าว อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มอบอำนาจให้สำนักนายทะเบียนและกฎหมาย กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองท่อม ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ตำรวจภูธรภาค 8 ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดฐานปลอมแปลงหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) แล้วเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้ กรมฯ ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นำส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อใช้ในการประกอบการสืบสวนและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว
กรณีประเด็นที่มีการกล่าวถึง “รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์” ที่ได้ลงพื้นที่นิคมสหกรณ์คลองท่อมนั้น เป็นการลงพื้นที่เพื่อมอบนโยบายให้กับนิคมสหกรณ์คลองท่อมในการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว รวมถึงกำชับเกี่ยวกับ การแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดที่ดินของนิคมสหกรณ์ ในด้านการส่งเสริมอาชีพและกำกับดูแลการดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับกลุ่มสมาชิกนิคมสหกรณ์คลองท่อม โดยให้ตรวจสอบข้อมูล และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้ละเอียดรอบคอบ ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นไปตามที่พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 กำหนด พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องการแบ่งกลุ่มเคสต่างๆของเอกสารสิทธิ์ออกมา เพื่อให้สามารถดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกระบี่ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของนิคมสหกรณ์คลองท่อม โดยเข้าตรวจสอบฐานข้อมูลสมาชิกนิคมสหกรณ์คลองท่อม ตรวจสอบหลักฐานระวางแผนที่ของสมาชิกนิคมสหกรณ์ให้มีความครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อที่จะดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่สมาชิกเฉพาะรายที่ตรวจสอบแล้วมีความครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกสหกรณ์
ด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า “ขอยืนยันว่าทางกรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับ เรื่องดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้สำนักทะเบียนและกฎหมายร่วมกับกองพัฒนาระบบสนับสนุนการสหกรณ์ รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม เร่งรัด แก้ไขปัญหาให้เสร็จโดยเร็ว และลงโทษทางวินัยต่อเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดด้วย ซึ่งในส่วนของแนวทางการดำเนินงานต่อจากนี้ ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์จะประสานกับกรมที่ดิน เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับโฉนดที่ดินที่ออกในพื้นที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบความถูกต้องต่อไป นอกจากนี้ จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจและกำชับนิคมสหกรณ์ในทุกพื้นที่ ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการจัดนิคมสหกรณ์ และในส่วนของสมาชิกนิคมสหกรณ์ที่ไม่มีปัญหา มีความถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการเร่งออกเอกสารสิทธิ์ต่อไป เพื่อมิให้กระทบสิทธิ์ของสมาชิกนิคมสหกรณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ กรณีโฉนดที่ดินที่ออกจากหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน. 5) ปลอมนั้น เมื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินแล้ว เพื่อเป็นการเยียวยาและแก้ไขปัญหาให้กับสมาชิกนิคมสหกรณ์และบุคคลภายนอกที่กล่าวมาข้างต้น กรมส่งเสริมสหกรณ์จะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำประโยชน์ในที่ดินทุกราย กรณีสมาชิกนิคมสหกรณ์ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพต่อไป และในส่วนของบุคคลภายนอกที่ซื้อที่ดินมาเป็นทอด ๆ นั้น จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพกำหนด อนึ่ง หากบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดย่อมต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”