ตามที่มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้นำเสนอข่าวว่ามีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมตัวบุกไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเอาผิดต่อคณะกรรมการสหกรณ์ของสหกรณ์ชื่อดังในพื้นที่ โทษฐานบริหารงานส่อไปในทางทุจริต เนื่องจากไม่อนุญาตให้สมาชิกที่ฝากเงินกับสหกรณ์ถอนเงินของตัวเองออกจากสหกรณ์ได้ สร้างความเดือดร้อนแก่สมาชิกกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายแตะหลัก 10 ล้านบาท นั้น
จากกรณีประเด็นปัญหาดังกล่าว อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สั่งการให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เนื่องด้วยอำเภอปากพนังมีสหกรณ์เพียงแห่งเดียว คือ สหกรณ์การเกษตรปากพนัง จำกัด โดยเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้วผลปรากฏว่าชาวบ้านที่รวมตัวกันไปแจ้งความเอาผิดต่อคณะกรรมการสหกรณ์ของสหกรณ์ในพื้นที่อำเภอปากพนังตามที่เป็นข่าวนั้น มิได้เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรปากพนัง จำกัด แต่อย่างใด โดยกลุ่มผู้เสียหาย คือสมาชิกกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ต้องการเรียกร้องและติดตามความคืบหน้ากรณีที่สมาชิกกลุ่มได้รวมตัวกันแจ้งความดำเนินคดีกับคณะกรรมการฯที่บริหารงานส่อไปในทางทุจริต เนื่องจากสมาชิกฯ ไม่สามารถถอนเงินที่ฝากเงินไว้กับ
กองทุนออมทรัพย์ประจำหมู่บ้าน จำนวนรวมหลายสิบล้านบาทได้ มิใช่ถอนเงินที่ฝากไว้กับสหกรณ์ในพื้นที่อำเภอปากพนังตามที่เป็นข่าว แต่อย่างใด
เมื่อทราบข้อเท็จจริง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานไปยังสำนักข่าวที่เผยแพร่ข่าวดังกล่าว เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขเนื้อข่าวให้ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากก่อให้เกิดความเสียต่อภาพลักษณ์ของระบบสหกรณ์ รวมถึงกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยปัจจุบันทางสำนักข่าวได้ดำเนินการแก้ไขเนื้อข่าวให้ตรงตามข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกันนี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังได้มอบหมายให้ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรปากพนัง จำกัด ในฐานะผู้ถูกพาดพิงจนเกิดความเสียหายโดยตรง ไปดำเนินการลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสืบสวน สถานีตำรวจภูธรปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย