1 พฤษภาคม 2567 ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “52 ปี วันก่อตั้งกลุ่มเกษตรกร” เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 72 พรรษา พร้อมมอบนโยบาย แนวทางการดำเนินงานให้กับกลุ่มเกษตรกร และรับฟังความคิดเห็น โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประวัติ แดงบรรจง นายสันทาน นายสีสา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย ผู้ตรวจราชการกรม ผู้อำนวยการกอง/สำนัก/กลุ่ม ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกร สมาชิกกลุ่มเกษตรกรจากทั่วประเทศ เข้าร่วม ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯได้มีการทำงานในเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ได้นำนโยบาย "ตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้" มาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทำให้เห็นว่าสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรหลายประเภทมีการดีดตัวสูงขึ้นมากตามเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 3 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี และจะมีการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมการเกษตรมาช่วยในการลงต้นทุนทั้งด้านการผลิตและการแปรรูปในเรื่องของปัญหาราคาพืชสวน ได้มีการถอดบทเรียนวางแผนมาตรการการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในด้านของสินค้าปศุสัตว์และประมง ขณะนี้สถานการณ์ราคากำลังดีดตัวขึ้น
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเกษตรกร และนิทรรศการจัดแสดงผลงานกลุ่มเกษตรกรดีเด่น ประจำปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางพาราบ้านคำข่า อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร และกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านตอนิมิตร อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ซึ่งมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2567
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรมีกิจการก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นปี 2566 ประเทศไทยมีกลุ่มเกษตรกรทั้งสิ้น 3,995 กลุ่ม มีสมาชิกจำนวน 339,162 คน และมีมูลค่าปริมาณธุรกิจสูงถึง 7.7 พันล้านบาท มีธุรกิจหลักคือ ให้สินเชื่อ เพื่อการผลิต ส่งเสริมการออมในหมู่สมาชิก รวบรวมผลผลิตเพื่อจำหน่าย และจัดหาปัจจัยการผลิตมาจำหน่ายแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกร กว่าร้อยละ 30 มีความเข้มแข็งในระดับ 1 และ 2 และได้รับการพัฒนาด้านการบริการสมาชิก การบริหารจัดการองค์กรและธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความเข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้นไป